Wednesday, April 12, 2017

4 ขั้นตอนพัฒนาความจำ เรียนยังไงให้ไม่ลืม โดย Kevin Horsley ชายที่มีความจำดีที่สุดในโลก

ภาพจากหนังเรื่อง Limitless (2011) นำแสดงโดย Bradley Cooper ที่เค้ากินยาชนิดนึงเข้าไปและทำให้สมองทำงานได้เต็มที่ 100%


ถ้าเกิดวันนี้สมองเราจำทุกอย่างได้หมด จะดีแค่ไหน? จำได้หมดทุกหนังสือที่เราเคยอ่าน ทุกเลคเชอร์ที่เราเคยเรียน ทุกสิ่งที่เราอยากจะเข้าใจเหมือนในหนังเรื่อง Limitless (2011) ทีพระเอกระเบิดพลังสมองเต็มร้อยเปอร์เซ็น เรียนรู้และจำทุกอย่างได้หมดเลยภายในระยะเวลาสั้นๆ

ตั้งแต่เด็กๆ เราเคยได้ยินหลายคนพูดว่า "อย่าเรียนหนังสือแบบท่องจำ แต่ต้องเรียนด้วยความเข้าใจ" การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆด้วยความจำจึงเป็นเหมือนสิ่งที่ผิดและไม่มีประสิทธิภาพ ทั้งๆที่จริงๆแล้วเราอาจจะเข้าใจเรื่องๆนึง แต่ถ้านึกไม่ออกหรือจำไม่ได้ ก็เอาความรู้นั้นมาใช้ต่อลำบาก เหมือนคำกล่าวที่ว่า "understanding does not create use, unless you remember it" แสดงว่าความจำกับความเข้าใจมันควรจะเกิดขึ้นพร้อมๆกัน
ความทรงจำ "memory" เป็นสิ่งที่ทำให้เราเป็นเราทุกวันนี้เลย มันกำหนดคุณภาพการตัดสินใจ รวมถึงคุณภาพชีวิตของเรา
สมองเราเป็นเหมือนคอมพิวเตอร์ที่มีความซับซ้อนที่สุดในโลก และสองทักษะที่สมองเราทุกคนสามารถทำได้คือเรียนรู้และจดจำ (learn and memorize) โดย Learning คือกระบวนการที่สมองเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ส่วน Memory คือความสามารถในการกักเก็บข้อมูลนั้นในสมองของเรา แต่ปัญหาที่คนทั่วไปเจอคือเรียนมาแล้วก็ลืม สมองไม่สามารถเรียกความรู้ที่เราเคยเรียนไปแล้วกลับมาใช้ได้เลย

ค่า pi ในทางคณิตศาสตร์ที่มีค่าประมาณ ~3.1415926... มีทศนิยมที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ไม่ซ้ำกันเลย ซึ่งเป็นเรื่องยากมากถ้าวันนี้จะหาคนที่จะจำทศนิยมค่า pi ได้เป็นหมื่นหลัก?

รายการ The Everest of Memory Tests จัดการแข่งขันความจำโดยให้ผู้เข้าแข่งขันจำตัวเลขทศนิยมของ pi ถึง 10,000 digits โดยแบ่งตัวเลขนี้ออกเป็น 5 ชุด ชุดละ 2,000 digits และผู้เข้าแข่งขันต้องเอ่ยตัวเลขทั้ง 5 ชุดนี้จากหน้าไปหลัง และจากหลังไปหน้า เป็นความท้าทายที่มนุษย์ทั่วไปน้อยคนจะทำได้

คนแรกที่เคยทำได้คือ Philip Bond (UK) ทำสถิติไว้ที่ 53 นาที ในปี 1994 ถัดมาคือ Kevin Horsley ทุบสถิติของ Bond ด้วยเวลา 39 นาที ในปี 1999 ถัดจากนั้นก็มี Jan Harms (Germany) และ Mats Bergsten (Sweden) ในปี 2007 และ 2008 ด้วยเวลา 20 นาที 30 วินาที และ 17 นาที 39 วินาที ตามลำดับ


แต่สถิติของรายการ The Everest ก็ถูกทุบแตกอีกครั้งนึงในปี 2013 โดย Kevin Horsley คนเดิมด้วยเวลาเพียง 16 นาที 38 วินาที เป็นสถิติโลกที่ยังไม่มีใครล้มได้ Kevin เป็นหนึ่งในไม่กี่คนในโลกนี้ที่เคยได้รับตำแหน่ง The International Grandmaster of Memory ซึ่งเป็นตำแหน่งสำหรับผู้ที่มีความจำดีเลิศเหนือมนุษย์มนาทั่วไป 😨

Kevin Horsley ไปพูดที่ TEDx Talks เรื่อง "instantly recalling understanding" (2013)


แล้ว Kevin ทำได้ยังไง? ทั้งๆที่ตอน Kevin อายุได้ 8 ปี ถูกตรวจพบว่าสมองอาจมีความผิดปกติ โดยหมอจิตวิทยาที่โรงเรียนบอกกับ Kevin ว่าเค้าน่าจะเป็นโรค classic dyslexia คือเป็นพวกอ่านหนังสือช้า อ่านได้ไม่กี่หน้าก็ลืม และจำอะไรไม่ได้เลย คล้ายๆเด็กสมาธิสั้น "ชีวิตวัยเด็กของผมค่อนข้างลำบากมากกับการเรียนแต่ผมก็เรียนจบได้ในปี 1989"

หลังจากเรียนจบมาสองสามปี วันนึง Kevin เดินไปที่ร้านหนังสือใกล้บ้าน และตัดสินใจซื้อหนังสือสามเล่มที่เขียนโดย Tony Buzan ทั้งหมดเลย โดยในสามเล่มนั้นมีเล่มนึงที่ Kevin บอกว่า "อ่านจบแล้วเปลี่ยนชีวิตของเค้าไปเลย" คือหนังสือชื่อว่า Use Your Memory สิ่งที่ Kevin ค้นพบคือ ...
ความจำของคนเราก็เหมือนกับนิสัย และนิสัยสามารถเปลี่ยนให้ดีขึ้นได้หากได้รับการสอนที่ดีและมีการฝึกฝนเป็นประจำ
ความสามารถในการจำสิ่งต่างๆได้ดี ไม่ใช่สิ่งที่มากับตัวเราตั้งแต่เกิด แต่เป็นทักษะ (skills) ที่สามารถสร้างและพัฒนาได้

หลังจากวันนั้น Kevin ก็พยายามฝึกฝนและศึกษาเรื่องจิตวิทยาและงานวิจัยเกี่ยวกับสมอง มาถึงวันนี้เป็นเวลาเกือบ 30 ปีแล้ว และได้เขียนหนังสือเพื่ออธิบายถึงหลักการและวิธีที่จะทำให้เรามีจำสิ่งต่างๆได้ดีขึ้น (หนังสือชื่อ Unlimited Memory) โดย Kevin ใช้หลักการ 4Cs ในการพัฒนาความจำ ประกอบด้วย

1. Concentration: มีเป้าหมาย มีสมาธิ และโฟกัสกับสิ่งที่เราทำ
2. Create Imagery: ใช้จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์
3. Connecting Concepts: เชื่อมโยงหาความสัมพันธ์
4. Continuous Use: ทักษะความจำเป็นสิ่งที่เราสร้างขึ้นมาเอง ต้องใช้การฝึกฝนและทำเป็นประจำ

เป้าหมายของการพัฒนาความจำ คือการช่วยให้เราเรียนรู้เรื่องใหม่ๆได้ดีขึ้น ช่วยให้เราเข้าใจอะไรได้ง่ายขึ้น และที่สำคัญที่สุดไม่ลืมสิ่งที่เรียน แต่การจะได้มาซึ่งทักษะความจำขั้นเทพ ผู้เรียนต้องเปลี่ยนความคิดของตัวเองก่อน ✌ "training your mind requires different thinking

Part 1 : Concentration
Usain Bolt นักกีฬาวิ่งเหรียญทองโอลิมปิค ชาวจาไมก้า ทำสถิติโลกใหม่หลายอันเลย


ในส่วนที่หนึ่งของหนังสือ Kevin ให้ความสำคัญเรื่องของการเปลี่ยน mindset มากๆ และบอกให้เลิกหาข้ออ้างที่จะเริ่มเรียนเรื่องนึงๆ อย่าบอกว่าตัวเองไม่เก่งอย่างโน้นอย่างนี้ อย่าบอกว่าเรื่องนี้มันยากเกินไป อย่าบอกว่าสมองเราไม่ดีเหมือนคนอื่น หยุดหาข้ออ้าง และลงมือทำ take action now! เพราะทุกครั้งที่เรายอมรับ "excuse" ข้ออ้างของตัวเอง เรากำลังทำให้ตัวเองอ่อนแอลง ถ้าเรายอมรับข้อจำกัดของตัวเอง ชีวิตเราจะมีแต่ทางตัน

ฉะนั้นสิ่งแรกทีต้องเปลี่ยนคือความเชื่อของตัวเอง เชื่อว่าเราทำได้ และสิ่งที่สำคัญมากๆเวลาเราเริ่มเรียนสิ่งใหม่ๆคือ "concentration" ต้องมีสมาธิและโฟกัสเต็มที่ 100% กับสิ่งที่เรากำลังทำ จำไว้เสมอว่า "where your attention goes, your energy flows"
เมื่อไหร่ก็ตามที่สนใจและตั้งใจทำเรื่องใดเต็มที่ 100 percent เมื่อนั่นจะเกิดพลังงานหนุนบางอย่าง
นักกีฬาเหรียญทองโอลิมปิคเป็นตัวอย่างที่ดีเลยของคนที่มี concentration (สมาธิ) กับการฝึกซ้อมสูงกว่านักกีฬาทั่วไป Kevin แนะนำว่าการฝึกสมาธิจริงๆแล้วไม่ยากอย่างที่หลายคนคิด เราแค่ต้องเรียนรู้ที่จะทำจิตใจให้สงบ #นี่มันทางสายพุทธเลย เพราะความจริง concentration = peaceful mind นั่นเอง

ศัตรูร้ายอันดับหนึ่งของ concentration คือ conflict หรือความขัดแย้ง ลองนึกถึงตอนเราทะเลาะกับเพื่อน ทะเลาะกับแฟน ทะเลาะกับพ่อแม่ของเรา แล้วเราต้องไปทำงาน ทั้งวันเราแทบจะทำงานไม่ได้เลย เพราะสมองเต็มไปแต่ conflicts ความขัดแย้งเป็นสิ่งที่คอยมารบกวนจิตใจ และทำให้เราเสียพลังงานไปโดยเปล่าประโยชน์

วันที่เราพบความสงบ "peace" ไม่ต้องกังวลเรื่องอะไร มีความสุขกับปัจจุบัน เมื่อนั้นสมองเราจะทำงานได้ดีมากๆ คมอย่างกับเลเซอร์ หรือจะบอกว่าการมี concentration คือการที่เราควบคุมและรักษาระดับพลังงานของเราให้มันอยู่กับสิ่งที่เราสนใจจริงๆเท่านั้น
หยุดให้สมองทำงานหลายอย่างพร้อมๆกัน เพราะผลงานที่ดีเยี่ยมขึ้นอยู่พลังงานทั้งหมดที่เราใส่ลงไปกับมัน
การทำงานหลายอย่างพร้อมกัน multitasking เป็นสิ่งที่ลด concentration ของเราลงเยอะเลย และงานก็ออกมาไม่ดีด้วย

ศัตรูร้ายอันดับสองที่บั่นทอน concentration คือคำว่า "multitasking" ฉะนั้นวันนี้ใครทำอะไรหลายๆอย่างพร้อมๆกัน เราแนะนำให้คุณหยุดเด๋วนี้! และตั้งใจทำให้ดีทีละอย่างพอ ถ้าเราทำหลายอย่างในเวลาเดียวกันเพราะ concentration จะถูกบั่นทอนและหารให้น้อยลง หากจะมองว่า concentration มันเหมือนกับ attention ก็คงไม่ผิด และ attention ของมนุษย์เรามีจำกัด ฉะนั้นต้องใช้มันให้ถูกจุด ใช้กับจุดที่เราสนใจอย่างเดียวก็พอ "when you concentrate your power, you can achieve anything"

จบพาร์ทที่หนึ่ง หยุดการใช้ข้ออ้างเวลาต้องเรียนหรือทำอะไรใหม่ๆที่เราไม่คุ้นเคย ตัวเราเก่งกว่าที่เราคิดเยอะ อย่างแรกต้องเชื่อก่อนว่าเราทำได้ ตั้งเป้าหมาย มีสมาธิและตั้งใจกับสิ่งที่ทำ อย่าจับปลาหลายมือ หยุดการทำงานแบบ multitasking เราต้อง concentrate รวมพลังทั้งหมดมาสู่เป้าหมายของเรา

Part 2 : Create and Connect 
วิธีการสร้างความจำที่ดีต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์เข้ามาช่วยด้วย ขอบคุณภาพจากหนังเรื่อง The Secret Life of Walter Mitty (2013)

ความจำไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ แต่เราต้องสร้างมันขึ้นมา วิธีการที่ Kevin แนะนำและบอกว่าดีที่สุดในการพัฒนาความจำคือการสร้างสรรค์ชีวิตให้กับข้อมูลนั้นๆ "bring information to life" และอย่าไปซีเรียสมากนักกับการเรียน ใครว่าเรียนหนังสือต้องซีเรียสด้วย 😜
คนเราจะเรียนสิ่งๆหนึ่งได้เร็วขึ้นมาก ถ้าหากใช้ความคิดสร้างสรรค์เปลี่ยนตัวหนังสือให้เป็นเรื่องราว เปลี่ยน text ให้เป็นเหมือนหนังภาพยนตร์
"ถ้าเราได้ฟังเรื่องราวนึงวันนี้ ผ่านไปสามวัน เราจะจำมันได้แค่ 10% แต่ถ้าวันนี้เราทั้งได้เห็น (มีรูปภาพ) และได้ฟัง เราจะจำเรื่องนี้ได้มากขึ้นเป็น 65%" กล่าวโดย John Medina, neuroscientist คนบางคนอาจจะบอกว่าเค้าไม่สามารถสร้างภาพในหัวได้ มันเป็นเรื่องยากมากเลย แต่นั่นเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น ความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ "imagination" เป็นอีกทักษะที่เราสร้างขึ้นเอง ไม่ใช่สิ่งที่มีมาโดยกำเนิด

Kevin ค้นพบสูตรที่ช่วยให้เค้าจดจำสิ่งต่างๆได้ง่ายขึ้นและไม่ลืมเลย โดยเค้าเรียกหลักการนี้ว่า "SEE" principle ซึ่งช่วงแรกอาจจะรู้สึกว่ามันยากหน่อย แต่ถ้าชำนาญแล้วจะพบว่าหลักการนี้มีประโยชน์อย่างมาก

S - Senses 
สมองของเรารับข้อมูลผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 ผ่านสายตา เสียง กลิ่น สัมผัส และรสชาติ ยิ่งเราใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้าในการเรียนรู้ครบหมดเมื่อไหร่ สมองจะยิ่งรับข้อมูลได้ดียิ่งขึ้นนั่นเอง หรือพูดง่ายๆคือการฝึกใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้าในการเรียน คือการพัฒนาสมองและความจำที่ง่ายและมีประสิทธิผลมากที่สุดเลย ลองหลับตานึกถึง "Strawberry" นึกถึงสตรอเบอร์รี่ในหัวของเรา สัมผัสมัน ลองดมกลิ่นของมัน ลองกัดชิม และได้ยินมันถ้าเป็นไปได้ สมองเราไม่ได้เห็นแค่ตัวอักษร S.T.R.A.W.B.E.R.R.Y แต่สร้างเป็น multi-sensory picture ที่คำๆนี้มันสื่อออกมาเลย

สมองเราสร้างได้ทุกอย่าง แค่ใช้จินตนาการของเรา

E - Exaggeration
ตอนนึกถึง strawberry ลูกนั้น ลองทำให้มันแปลกเกินจริงดูก็ได้ ให้มันใหญ่เท่าบ้าน หรือว่าเล็กเท่ามดก็ได้ อะไรที่น่าจำมากกว่ากัน ระหว่างช้างตัวเป็นๆ หรือช้างที่มีหูใหญ่ๆแล้วบินได้ด้วย Dumbo! ทำให้ความรู้ใหม่ๆ หรือคำศัพท์ใหม่ๆที่เราเรียนดูเกินจริงด้วยอารมณ์ขันบ้าง เพราะสมองจะเรียนรู้ได้ดีถ้าเป็นเรื่องที่มันเข้าใจง่าย และไม่ซีเรียสจนเกินไป เน้นตลกและความคิดสร้างสรรค์มาช่วยให้เราจำอะไรได้ง่ายขึ้น

E - Energizing
ทำให้ภาพเหล่านั้นเป็นภาพเคลื่อนไหว ใส่ action ให้กับวัตถุในหัวเรา ตัวเราอยากดู Fast and Furious 8 เป็นภาพนิ่ง slide show หรือว่าเราอยากดูเป็นภาพเคลื่อนไหว movie ทุนสร้างพันล้าน? ภาพเคลื่อนไหวมันสร้าง feelings ได้มากกว่าแค่ภาพนิ่งแน่นอน และช่วยกระตุ้นประสาทสัมผัสทั้งห้าของเราให้ตื่นตัวและทำงานได้ดีขึ้น จินตนาการในสมองของเราจะให้ concept ในหัวเราทำอะไรก็ได้ เปลี่ยนหนูให้พูดได้ จนดังไปทั่วโลก "Micky mouse" แบบ Disney เราก็ทำได้ไม่ยากเลยในจินตนาการของเรา

คราวนี้มาลองดูตัวอย่างวิธีการใช้ SEE principle เรียนคำศัพท์ภาษาใหม่ๆกัน เราจะเริ่มกันที่ภาษาสเปน

Tiger (English) is Tigre (Spanish) ที่ออกเสียงเหมือน tea-grey ให้เราหลับตานึกภาพเสือตัวหนึ่งกำลังดื่มน้ำชาที่กำลังเปลี่ยนสีเป็นสีเทา "a tiger drinking his TEA that has turned GREY"

Sun (English) is Sole (Spanish) ให้เราหลับตานึกภาพว่าแดดของพระอาทิตย์ส่องใส่เท้าเราข้างเดียวและเรารู้สึกร้อนเท้ามากๆ "the sun is burning the SOLE of your one foot"

ต่อไปเรามาลองภาษาอิตาลีกันบ้าง

Chicken (English) is Pollo (Italian) ให้เราหลับตาจินตนาการว่าเรากำลังเล่นโปโลอยู่กับไก่ "playing POL(L)O with a chicken instead of a ball"

Cat (English) is Gatto (Italian) ให้เราหลับตาจินตนาการว่าเรากำลังบอกเพื่อนเราว่าเธอต้องอุ้มแมวของชั้นดีๆ "you've GOT TO hold my cat"

ภาษาสุดท้ายมาลองภาษาญี่ปุ่นกันบ้าง

Door (English) is To (Japanese ออกเสียงว่า Toe โท) ให้เราหลับตานึกภาพเราเดินเตะประตู แล้วเจ็บนิ้วเท้าแม่โป้งของเรา "you are kicking the door with your big TOE"

Chest (English) is Mune (Japanese ออกเสียงว่า Mooneh มูเน่) ให้เราหลับตาจินตนาการว่ามีเงินทะลักออกมาจากหน้าอกของเรา "MONEY growing out of your chest"

ขอบคุณรูปน้องแมวจากหนังเรื่อง Shrek ไหนมาลองดูซิว่าจำคำศัพท์ตะกี้ได้มากน้อยขนาดไหน?


คราวนี้มาลองทดสอบดูว่าคุณจำคำศัพท์ใหม่ตะกี้ได้มากขนาดนี้ ลองดูครับ try yourself !

"Cat" ในภาษาอิตาลีใช้คำว่าอะไร?
"Tiger" ในภาษาสเปนใช้คำว่าอะไร?
"Door" ในภาษาญี่ปุ่นใช้คำว่าอะไร?

ตอบถูกหมดป่าวครับ? 😀 แค่ใช้หลักการ SEE ของ Kevin ตะกี้เราเรียนคำศัพท์ภาษาใหม่ๆได้ถึง 6 คำในเวลาแค่ไม่กี่นาที หลักการคือการ bring information to life ใส่ชีวิตให้กับข้อมูลหรือคำศัพท์ใหม่ๆเหล่านั้น ทำให้มันเป็นภาพในหัวของเรา ใช้จินตนาการบวกกับมุขตลกๆสร้างเรื่องราวขึ้นมาได้เลย

นอกจาก SEE principle ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ Kevin แนะนำคือการสร้าง container ในการเก็บข้อมูลในหัวเรา และจัดระเบียบให้กับข้อมูลความรู้เหล่านั้น โดยทฤษฏีนี้ชื่อว่า The CAR method (car ที่แปลว่ารถ)
ความลับที่ช่วยให้เราเรียนรู้เรื่องต่างๆได้อย่างรวดเร็ว คือการวางแผนและการจัดระเบียบความรู้และข้อมูลอย่างเป็นระบบในสมองของเรา
จริงๆสมองเราเหมือนกับท่อน้ำ ที่มันไหลเข้าไหลออกตลอดเวลา ข้อมูลต่างๆถ้าไม่มีการกักเก็บไว้เลย มันก็จะไหลผ่านสมองเราไปเฉยๆเลย CAR ที่ Kevin สร้างขึ้นมาคือรถที่ใช้เก็บข้อมูลต่างๆในหัวของเรา จริงๆเราจะเรียกมันว่าอะไรก็ได้ จะเป็นรถ Bus, Van, Airplane, ยานอวกาศ อะไรก็ได้หมดเลย ลองดูตัวอย่างนี้ครับ ลองทำไปพร้อมๆกันนะ

ลองจินตนาการถึงรถคันนึงในหัวของเราครับ "imagine a CAR in your mind" เราเข้าไปนั่งในรถเห็นแอปเปิ้ลสีแดงลูกใหญ่วางที่บนฝากระโปรงรถหน้า เก้าอี้คนขับที่เรานั่งอยู่ทำมาจากบลูเบอร์รี่และสตรอเบอร์รี่ผลใหญ่นุ่มสบาย แถมมีกลิ่นหอมๆด้วย เราหยิบกุญแจแครอทเสียบเข้าไปเพื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ เพื่อนเราที่นั่งข้างเราถือไข่มาด้วยถาดนึงเพื่อไปเยี่ยมพ่อแม่ของเรา เบาะหลังรถมีถั่วและเมล็ดพืช (seed) เต็มไปหมดเลย ลงจากรถมาเราจะเห็น ส้มผลใหญ่มากอยู่บนหลังคารถเรา เดินไปเปิดกระโปรงหลังรถเจอปลาเต็มไปหมดเลย ได้กลื่นปลาตลบอบอวนไปหมด มองไปที่ท่อไอเสียรถยนต์เราเห็นผักบร๊อคโคลี่ (broccoli) พุ่งออกมาหลายหัวเลย และสุดท้ายล้อรถยนต์ของเราทำมาจากมันฝรั่งหวานสีเหลืองอันใหญ่ดูน่าทานดี

อ่านจบแล้วเนอะ ลองอ่านทวนดูอีกทีก่อนก็ได้ครับ หลับตาแล้วนึกภาพรถคันนี้ในหัวของเรา น่ากินมากๆ แล้วมาทดสอบความจำของคุณอีกครั้งนึง test yourself !

ที่นั่งของรถเรา ทำมาจากผลไม้อะไร?
ล้อรถยนต์ของเรา ทำมาจากอะไร?
เบาะที่นั่งข้างหลัง มีอะไรอยู่เต็มเลย?

ตอบถูกหมดเลยอีกแล้วใช่ครับ 😀 สุดยอดมากฮะ ตะกี้เราเพิ่งได้เรียนเรื่อง super foods ทั้ง 11 ชนิดที่ช่วยให้สมองของเราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ กระชุ่มกระชวยและ alert พร้อมรับสิ่งใหม่อยู่ตลอดเวลา จำได้หมดเลยเนอะ

หน้าที่ของ CAR หรือรถคันนั้นในสมองของเรา คือการสร้างตู้เก็บข้อมูล Kevin เรียกมันว่า storage compartment ที่ใช้ในการกักเก็บข้อมูล short term ที่ไหลผ่านสมองเรามา และช่วย organize ความรู้ต่างๆของเราอย่างเป็นระเบียบ และสามารถเรียกใช้ข้อมูลเหล่านี้ได้ในอนาคต การสร้าง compartment ในสมองของเรายังเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้าง long-term memory อีกด้วย

Part 3 : Continuous Use
ยิ่งฝีกฝนมาก สมองก็ยิ่งเก่ง ขอบคุณภาพจาก MV shape of you (Ed Sheeran)


สมองก็เหมือนกับอวัยวะส่วนอื่นๆในร่างกายที่เกิดจากการรวมตัวกันของกล้ามเนื้อและมีเลือดไปหมุนเวียน ยิ่งเราใช้งานมันเยอะขึ้น มันก็จะยิ่งแข็งแรงขึ้น เหมือนเวลาเราไปเข้ายิมเล่นกล้ามเลย ซึ่งความมีวินัย (self-discipline) เป็นสิ่งจำเป็นมากๆ หนังสือหลายเล่มบอกว่าการที่เราทำอะไรอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 21 วัน กิจกรรมนั้นจะกลายเป็นนิสัยของเรา

แต่ Kevin ไม่เห็นด้วยและบอกว่าการสร้างนิสัยใช้เวลาเยอะกว่านั้นมาก จริงๆแล้วคือเราต้องฝึกทำมันทุกวันเลย โดยพูดติดตลกว่า "ทุกเช้าที่คุณตื่น ก็เป็นวันใหม่แล้ว คุณไม่จำเป็นต้องฝึกเรื่องนั้นตลอดชีวิต แค่ฝึกมันวันนี้ก็พอ (just today)" ซึ่งวันนี้ของ Kevin หมายถึงทุกวันที่ตื่นนอนนั่นเอง
งานวิจัยอันโด่งดังของ Spitzer เผยให้เห็นว่า 82% ของสิ่งที่เราเรียนหรืออ่านวันนี้จะถูกลืมภายใน 28 วัน
ถ้าไม่อยากลืมสิ่งที่เรียนต้องทำยังไง? ง่ายๆเลยคือต้องมีการรีวิวสิ่งที่เราเรียนไปแล้ว โดยการรีวิวคือการทำให้ข้อมูลที่ได้มาใหม่มีที่ยืนอย่างเป็นหลักแหล่งในสมองของเรา Kevin พบว่าการรีวิวข้อมูลเพื่อให้มันฝังลงไปในความจำของเราอย่างมีประสิทธิภาพ ต้องทำให้เสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด (specified interval)

ช่วงเวลารีวิวความรู้ใหม่ คือภายใน 1 ชั่วโมงหลังจากเรียนเสร็จ แล้วก็ 1 วัน, 3 วัน, 7 วัน, 14 วัน, 21 วัน, 28 วัน, 2 เดือน, 3 เดือน และความรู้นั้นจะฝังในความจำของเราตลอดไป และเราสามารถเรียกใช้มันได้ทุกเวลาที่เราต้องการ

ภายใน 72 ชั่วโมงแรก เป็นช่วงเวลาที่สำคัญมากๆ เพราะเป็นช่วงที่สมองสร้าง deeper and stronger memory ห้ามละเลยเด็ดขาด แต่ถ้าอยากได้ forever memory แบบจำได้เหมือนชื่อของตัวเราเองเลย Kevin แนะนำให้รีวิวความรู้นั้นอย่างน้อยเป็นเวลา 3 เดือนอย่างต่อเนื่อง

สรุป
จบแล้ว ลองเอาสิ่งที่ได้เรียนรู้วันนี้ไปลองใช้ดูนะครับ ดีไม่ดียังไง บอกด้วยนะฮะ ขอบคุณภาพจากหนังเรื่อง UP  (2009)


Memory เป็๋นสิ่งที่เราต้องสร้างมันขึ้นมาเอง เริ่มด้วยการเปลี่ยนความเชื่อของตัวเอง "yes, I can" ถ้าเราเชื่อ เราก็ทำได้ มีเป้าหมายและ concentrate กับเป้าหมายนั่น หยุดหาข้ออ้างเพื่อหยุดเรากับการทำอะไรซักอย่างหนึ่ง ลองฝึกใช้หลักการ SEE กับสิ่งต่างๆรอบตัวเรา รวบรวมข้อมูลและจัดระเบียบให้กับข้อมูลความรู้เหล่านั้นในหัวของเรา

ใช้ imagination สร้างเรื่องราว picture/ movie story ให้กับสิ่งที่เราเรียนรู้ใหม่ๆ ใครว่าการเรียนต้องน่าเบื่อ ไม่เลย เราทำให้มันสนุกได้ อย่าหยุดที่จะเรียนรู้ และต้องเรียนรู้อย่างสนุกเสมอ สุดท้ายต้องหมั่นทบทวน โดยเฉพาะ 72 ชั่วโมงแรกที่จะช่วยเปลี่ยนข้อมูลเหล่านั้นเป็น strong short term memory แต่ถ้าอยากให้มันกลายเป็น long term forever memory ลองรีวิวความรู้เหล่านั้นไปอีก 3 เดือน ตามระยะเวลาที่กำหนด ฝึกฝนเป็นประจำ เพราะสมองของเรามันแข็งเรงขึ้นได้จริงๆ

ปล. เวลาหากุญแจรถ หรือกุญแจบ้านไม่เจอ อย่างนี้ไม่ใช่ปัญหาความจำไม่ดีนะ แต่เป็นปัญหาความไม่ใส่ใจตะหาก (แปลว่าไม่ concentrate หรือไม่ pay attention ตอนวางสิ่งของเหล่านั้น :P) วิธีแก้ก็ง่ายๆคือแค่มีสติตอนวาง 555+ ชมวีดีโอ TEDx ของ Kevin Horsley ได้ที่ลิ้งนี่เลยนะครับ https://www.youtube.com/watch?v=EQc7MKtTzv4 👍

อ้างอิง
Unlimited Memory: How to use advanced learning strategies to learn faster, remember more and be more productive by Kevin Horsley (2014) Link

3 comments:

  1. เยี่นมเลยครับทอย เจ๋งจริงๆ

    ReplyDelete
    Replies
    1. ขอบคุณครับพี่กฤษ :D ตอนใหม่กำลังจะมาครับ เรื่อง Growth Hacker พรุ่งนี้นะคร้าบ

      Delete
    2. รอติดตามครับ!

      Delete